ชีวประวัติ พระครูสุวรรณศาสนคุณ ( นาม ศาสนปโชโต )
พระครูสุวรรณศาสนคุณ พระเกจิอาจารย์ผู้เฒ่าเรืองวิทยาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี
ชาวบ้านต่างเรียกขนานนามของท่านว่า “หลวงปู่ผู้เฒ่า” หรือ หลวงปู่นาม หรือ พระอุปัชฌาย์นาม ปัจจุบัน พระครูสุวรรณศาสนคุณ สิริอายุ ๘๙ปี ๖๒พรรษา ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส วัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรบุรี พระครูสุวรรณศาสนคุณ มีนามเดิมว่า นาม มณีวงศ์ ถือกำเนิด เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๔ ปีจอ ( ส่วนวันและเดือนนั้น ท่านจำไม่ได้ ) เป็นชาวสุพรรณโดยกำเนิด โยมบิดา ชื่อ คุณพ่อบัว มณีวงศ์ โยมมารดาชื่อ คุณแม่ สา มณีวงศ์
ในวัยเด็กชีวิตท่าน ตามประสาเด็กธรรมดาทั่วไป ช่วยพ่อแม่ทำนา ประกอบกับการมาเรียนหนังสือ กับหลวงปู่เหมือน ที่วัดน้อยชมภู่ ทั้งอักขระขอม-ไทย และฟังธรรมะ คำสอน ของหลวงปู่เหมือน ทำให้ท่านมีใจอ่อนน้อม และเลื่อมใสในพุทธศาสนา มาตั้งแต่เล็ก เมื่ออายุครบบวช ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านกร่าง โดยมีท่านเจ้าคุณพระเมธีธรรมสาร ( ไสว ) เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน พระปลัดทวี(หลานหลวงพ่อมุ่ย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการ สวงศ์ เป็นพระอนุศาสนาจารย์ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จนสอบได้นักธรรมเอกตามลำดับ ในปีนั้นท่านเป็นรูปเดียวที่สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอกของอำเภอศรีประจันต์ อีกทั้งยังสามารถท่องจำพระปาฎิโมกข์ ได้เพียง 45 วัน
ร่ำเรียนวิทยาคมและฝากตัวเป็นศิษย์รับใช้ ร่ำเรียนวิทยาคม กับหลวงพ่อไสว ควบคู่ไปกับการเล่าเรียนศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทย จึงทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานในด้านนี้เป็นอย่างมาก
(เมื่อกล่าวถึง หลวงพ่อ ไสวแล้ว ชาวสุพรรณในสมัยนั้น ต่างให้ความเคารพนับถือท่านมาก ชื่อเสียงกิตติศัพท์ของท่านเลื่องลือ ด้วยท่านสามารถปลุกเสกพระในบาตร ให้วิ่งได้ ดุจมีชีวิต)
ดังนั้นหลวงปู่จึงได้สืบทอดพุทธาคมในสายวิชานี้มาอย่างเอกอุ ทั้งในด้านการเจริญสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน การอธิฐานจิตเสกพระ จากนั้นจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (เป็นวัดสองวัดมารวมกัน คือ วัดน้อย กับ วัดชมภู่ รวมเรียกว่า วัดน้อยชมภู่ ) วัดนี้เป็นวัดที่มีพระเกจิดัง สมภารเก่ง มาแต่เดิม ทำน้ำพุทธมนต์ให้เจ้าสมัยก่อน
ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาอาคมหลวงปู่ขำกับหลวงปู่เหมือน หลวงปู่ขำท่านเป็นพระ อภิญญา สหธรรมมิกศึกษาแลกเปลี่ยนวิชา กับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ( ศิษย์สมเด็จโต) หลวงปู่เฒ่า วัดค้างคาว หลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่ขำท่านสามารถเสกพระให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมย เป่าไม้รวกให้มียันต์อยู่ข้างใน หลวงปู่เหมือนได้ถ่ายทอดสรรพวิชาในสายหลวงปู่ขำ ให้ท่านอย่างไม่มีปิดบัง กล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือน ท่านเสกต่อแตนให้เต็มวัดได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้ง เพื่อไล่ลิงได้ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า วาจาศักดิ์สิทธิ์
หลวงปู่นามจึงได้รับถ่ายทอด วิชาในสายหลวงปู่ขำหลวงปู่เหมือนมาเต็มภูมิ และยังได้รับสืบทอดให้เก็บรักษาไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงปู่ขำเอาไว้ มีอายุเกือบสองร้อยปีสมัยหลวงปู่ขำยังอยู่ เสกพระให้เต็มวัดก็ใช้ไม้เท้าอันนี้ ทำน้ำมนต์ เสกต่อแตน ไล่ผี แก้คุณไสย เคาะหัวลงกระหม่อม รักษาโรค หรือบอกหวย ก็ใช้ไม้เท้าอันนี้ หลวงปู่ยังได้ไปจำพรรษาอยู่วัดระฆัง หลายหนเพื่อไปศึกษาวิชา โดยท่านได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ อยู่รับใช้ ท่านเจ้าคุณพระธรรมธาดาจารย์ (หลวงปู่แนบ) กล่าวถึงท่านเจ้าคุณแนบท่านเป็นพระเกจิคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมาก ด้วยท่านได้สืบทอดพุทธาคมในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เมื่อปี พ. ศ.๒๔๘๕ วัดราชบพิธ ได้ทำพิธีปลุกเสกใหญ่ มีพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของประเทศ อาทิ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหืบ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก อีกทั้งยังนิมนต์เจ้าคุณแนบ ไปอธิฐานจิตในครั้งนั้นด้วย เจ้าคุณแนบรักเอ็นดูหลวงปู่นามมาก สั่งสอนบอกวิชาหลวงปู่ไม่มีปกปิด ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ยังได้มอบตาฤาษี ชึ่งได้รับตกทอดมาตั้งแต่สมัยสมเด็จโต ให้หลวงปู่นามเก็บรักษาไว้ ด้วยท่านเห็นว่าศิษย์ผู้นี้ มีบารมีมาก ต่อไปภายภาคหน้าจะเป็นที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลาย จากนั้นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่นาค วัดระฆัง ระหว่างอยู่วัดระฆังท่านสนิทกับเจ้าคุณผัน เจ้าคุณเที่ยง มาก เจ้าคุณทั้งสอง เรียกหลวงปู่นาม ว่า“ หลวงพี่ ” ตลอดมา กลับมาอยู่วัดน้อย ท่านได้ยินชื่อเสียงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โด่งดังมาก แม้แต่กรมหลวงชุมพร ยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้เดินทางไปยังสำนัก วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาเล่าเรียน วิชาในสายหลวงปู่ศุข เกสโร กับหลวงพ่อสำราญ หลายวัน หลวงพ่อสำราญปกติท่านจะดุมาก แต่กลับเมตตาถูกอัธยาศัย กับหลวงปู่ ก่อนจะลากลับ ท่านได้มอบพระพุทธรูปเก่า สมัยหลวงปู่ศุข ให้หลวงปู่มา ปัจจุบันหลวงปู่ท่านยังเก็บรักษาไว้ที่กุฎิของท่านอีกทั้งหลวงปู่ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัย กับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระเกจิชื่อดังเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ ในสายหลวงปู่ศุข เพิ่มเติม อีกทั้งยังฝึกวาโยกสิณ เพื่อเสกตะกรุตให้ม้วนเอง และวิชาต่างๆ หลวงปู่ท่านจะมานอนคุยกับหลวงพ่อมุ่ย บ่อยครั้ง เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากัน
ส่วนหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย ศิษย์หลวงพ่อ ปาน วัดบางนมโค ก็มีความสนิทสนมกับหลวงปู่เป็นอย่างมาก หลวงปู่ท่านยังเคยไปอยู่กับท่าน เพื่อศึกษาในสายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ทั้งยังเดินทางไปมาหาสู่ เรียนวิชากับ หลวงปู่คำ วัดหน่อพุทธางกุล หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ เรื่อยมา หลวงปู่ท่านยังเป็นสหธรรมมิกกับพระเกจิที่มีชื่อเสียงเมืองสุพรรณหลายรูป อาทิ หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง หลวงพ่อดี วัดพระรูป หลวงพ่อปลื้ม วัดสวนหงส์ หลวงพ่อพล วัดวังยายหุ่น ท่านเหล่านี้ล้วนสนิทชอบพอกันดีกับหลวงปู่ ศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาบ่อย และยังเคยร่วมเสกพระหลายครั้งด้วยกัน
ออกธุดงควัตร
เมื่อท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย วิชาอาคมต่างๆในด้านพระปริยัติ เป็นที่พอใจแล้ว ท่านจึงได้กราบลาครูบาอาจารย์ ออกปฏิบัติธุดงค์ หาความสงบเงียบเพื่อเหมาะแก่การเจริญพระกรรมฐาน ฝึกจิตเจริญภาวนาปฏิบัติธรรม และฝึกฝนวิชาอาคม ท่านได้เดินลัดเลาะตามป่าขึ้นไปปักกรดอยู่ที่ยอดเขากระเสียว ซึ่งชาวบ้านก็ห้ามท่านไว้ เพราะบนเขานั้นมีงูพิษ และสัตว์ป่าดุร้าย ชุม แต่ก็ห้ามท่านไม่ได้ ด้วยวิชาอาคมของท่าน ในคืนนั้นสัตว์ทั้งหลายไม่สามารถทำอันตรายท่านได้เลย จากนั้นจึงเดินธุดงค์ต่อไปจังหวัดลพบุรี
หลวงปู่ท่านได้ขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ที่วัดพระพุทธบาทราชวรวิหาร จ.สระบุรี
ได้ปักกลดจำวัดอยู่หลายคืน จากนั้นจึงเดินทางต่อ เข้าสู่ยังป่าเขาใหญ่ ดงพญาเย็น ดงพญาไฟ ซึ่งเมื่อก่อนหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า มีเสือ ช้าง งู สัตว์มีพิษ เยอะมากและมีไข้ป่า ภูตผีปีศาจ คุณไสย มนต์ดำ ซึ่งถือว่าพระธุดงค์รูปใด ที่สามารถ เข้าสู่ดงพญาเย็น ดงพญาไฟ แล้วเดินทางกลับออกมาได้ ถือว่าพระรูปนั้น มีวิชาอาคมพอตัว หลวงปู่ท่านเดินทางเข้าไปยังเทือกเขานี้ ได้ปักกลดอยู่หลายวัน สัตว์ป่า อาทิ เสือ ช้าง งูและสัตว์มีพิษต่างๆรวมถึงภูตผีปีศาจคุณไสยมนต์ดำ ไม่สามารถทำอันตรายหลวงปู่ได้ ต่อจากนั้นหลวงปู่ได้เดินทางไปหลายแห่งทั่วประเทศ สมความตั้งใจท่านแล้ว ท่านจึงได้มาจำพรรษา อยู่ที่วัดน้อยชมภู่ ก่อน พ.ศ.2500(หลวงปู่ท่านจำไม่ได้)ต่อจากนั้นท่านได้รับ มอบหมายให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ.2501
หน้าที่การปกครอง
พ.ศ.2506 ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ.2522 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลวังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
พ.ศ.2527 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2550 ได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ที่พระครูสุวรรณศาสนคุณ
เริ่มสร้างพระในครั้งแรก ปี พ.ศ.2507 ท่านเริ่มทำพระเนื้อดินเผา ชินต่างๆ อาทิ
พระขุนแผนบ้านกร่าง พระยอดขุดพล เป็นต้น ท่านทำบล็อคเอง ปั้มเอง มวลสารที่ใช้ส่วนใหญ่ใช้ดินแม่น้ำท่าจีน ดินจอมปลวก ดินวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นต้น ท่านทำไม่มาก ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต ทำเอง เสกเองที่กุฎิ ใครมาขอท่านก็แจกไป มีประสบการณ์มากมาย จากนั้นท่านก็นำเข้าบรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานในวิหารบ้าง ในโบสถ์บ้าง แล้วท่านจึงหยุดทำไประยะหนึ่ง เนื่องจากผู้คนมาขอพระ จนท่านไม่ค่อยมีเวลาปฎิบัติธรรม ท่านจึงหยุดทำพระ
ต่อมาปี พ.ศ.2532 จึงได้หล่อสร้างพระงบน้ำอ้อย เนื้อชินตะกั่วขึ้น เพื่อสืบทอดวิชา ครูบาอาจารย์(หลวงพ่อเนียม วัดน้อย) ท่านหล่อเองเสกเอง จนใช้ได้ ท่านยังไม่แน่ใจ จึงนำไปให้ หลวงพ่อจวนวัดไก่เตี้ย เพื่อเสกให้อีกครั้ง พอเปิดกล่องเท่านั้น หลวงพ่อจวนถึงกับพูดว่า ผมเสกไม่เข้าแล้ว มนต์เต็มไปหมด งบน้ำอ้อยที่ท่านแจก เกิดประสบการณ์มากมาย ทำให้ชื่อเสียงของหลวงปู่ โด่งดังในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มาจนถึงทุกวันนี้
ชาวบ้านต่างเรียกขนานนามของท่านว่า “หลวงปู่ผู้เฒ่า” หรือ หลวงปู่นาม หรือ พระอุปัชฌาย์นาม ปัจจุบัน พระครูสุวรรณศาสนคุณ สิริอายุ ๘๙ปี ๖๒พรรษา ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส วัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรบุรี พระครูสุวรรณศาสนคุณ มีนามเดิมว่า นาม มณีวงศ์ ถือกำเนิด เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๔ ปีจอ ( ส่วนวันและเดือนนั้น ท่านจำไม่ได้ ) เป็นชาวสุพรรณโดยกำเนิด โยมบิดา ชื่อ คุณพ่อบัว มณีวงศ์ โยมมารดาชื่อ คุณแม่ สา มณีวงศ์
ในวัยเด็กชีวิตท่าน ตามประสาเด็กธรรมดาทั่วไป ช่วยพ่อแม่ทำนา ประกอบกับการมาเรียนหนังสือ กับหลวงปู่เหมือน ที่วัดน้อยชมภู่ ทั้งอักขระขอม-ไทย และฟังธรรมะ คำสอน ของหลวงปู่เหมือน ทำให้ท่านมีใจอ่อนน้อม และเลื่อมใสในพุทธศาสนา มาตั้งแต่เล็ก เมื่ออายุครบบวช ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านกร่าง โดยมีท่านเจ้าคุณพระเมธีธรรมสาร ( ไสว ) เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน พระปลัดทวี(หลานหลวงพ่อมุ่ย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการ สวงศ์ เป็นพระอนุศาสนาจารย์ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จนสอบได้นักธรรมเอกตามลำดับ ในปีนั้นท่านเป็นรูปเดียวที่สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอกของอำเภอศรีประจันต์ อีกทั้งยังสามารถท่องจำพระปาฎิโมกข์ ได้เพียง 45 วัน
ร่ำเรียนวิทยาคมและฝากตัวเป็นศิษย์รับใช้ ร่ำเรียนวิทยาคม กับหลวงพ่อไสว ควบคู่ไปกับการเล่าเรียนศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทย จึงทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานในด้านนี้เป็นอย่างมาก
(เมื่อกล่าวถึง หลวงพ่อ ไสวแล้ว ชาวสุพรรณในสมัยนั้น ต่างให้ความเคารพนับถือท่านมาก ชื่อเสียงกิตติศัพท์ของท่านเลื่องลือ ด้วยท่านสามารถปลุกเสกพระในบาตร ให้วิ่งได้ ดุจมีชีวิต)
ดังนั้นหลวงปู่จึงได้สืบทอดพุทธาคมในสายวิชานี้มาอย่างเอกอุ ทั้งในด้านการเจริญสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน การอธิฐานจิตเสกพระ จากนั้นจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (เป็นวัดสองวัดมารวมกัน คือ วัดน้อย กับ วัดชมภู่ รวมเรียกว่า วัดน้อยชมภู่ ) วัดนี้เป็นวัดที่มีพระเกจิดัง สมภารเก่ง มาแต่เดิม ทำน้ำพุทธมนต์ให้เจ้าสมัยก่อน
ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาอาคมหลวงปู่ขำกับหลวงปู่เหมือน หลวงปู่ขำท่านเป็นพระ อภิญญา สหธรรมมิกศึกษาแลกเปลี่ยนวิชา กับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ( ศิษย์สมเด็จโต) หลวงปู่เฒ่า วัดค้างคาว หลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่ขำท่านสามารถเสกพระให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมย เป่าไม้รวกให้มียันต์อยู่ข้างใน หลวงปู่เหมือนได้ถ่ายทอดสรรพวิชาในสายหลวงปู่ขำ ให้ท่านอย่างไม่มีปิดบัง กล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือน ท่านเสกต่อแตนให้เต็มวัดได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้ง เพื่อไล่ลิงได้ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า วาจาศักดิ์สิทธิ์
หลวงปู่นามจึงได้รับถ่ายทอด วิชาในสายหลวงปู่ขำหลวงปู่เหมือนมาเต็มภูมิ และยังได้รับสืบทอดให้เก็บรักษาไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงปู่ขำเอาไว้ มีอายุเกือบสองร้อยปีสมัยหลวงปู่ขำยังอยู่ เสกพระให้เต็มวัดก็ใช้ไม้เท้าอันนี้ ทำน้ำมนต์ เสกต่อแตน ไล่ผี แก้คุณไสย เคาะหัวลงกระหม่อม รักษาโรค หรือบอกหวย ก็ใช้ไม้เท้าอันนี้ หลวงปู่ยังได้ไปจำพรรษาอยู่วัดระฆัง หลายหนเพื่อไปศึกษาวิชา โดยท่านได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ อยู่รับใช้ ท่านเจ้าคุณพระธรรมธาดาจารย์ (หลวงปู่แนบ) กล่าวถึงท่านเจ้าคุณแนบท่านเป็นพระเกจิคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมาก ด้วยท่านได้สืบทอดพุทธาคมในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เมื่อปี พ. ศ.๒๔๘๕ วัดราชบพิธ ได้ทำพิธีปลุกเสกใหญ่ มีพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของประเทศ อาทิ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหืบ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก อีกทั้งยังนิมนต์เจ้าคุณแนบ ไปอธิฐานจิตในครั้งนั้นด้วย เจ้าคุณแนบรักเอ็นดูหลวงปู่นามมาก สั่งสอนบอกวิชาหลวงปู่ไม่มีปกปิด ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ยังได้มอบตาฤาษี ชึ่งได้รับตกทอดมาตั้งแต่สมัยสมเด็จโต ให้หลวงปู่นามเก็บรักษาไว้ ด้วยท่านเห็นว่าศิษย์ผู้นี้ มีบารมีมาก ต่อไปภายภาคหน้าจะเป็นที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลาย จากนั้นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่นาค วัดระฆัง ระหว่างอยู่วัดระฆังท่านสนิทกับเจ้าคุณผัน เจ้าคุณเที่ยง มาก เจ้าคุณทั้งสอง เรียกหลวงปู่นาม ว่า“ หลวงพี่ ” ตลอดมา กลับมาอยู่วัดน้อย ท่านได้ยินชื่อเสียงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โด่งดังมาก แม้แต่กรมหลวงชุมพร ยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้เดินทางไปยังสำนัก วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาเล่าเรียน วิชาในสายหลวงปู่ศุข เกสโร กับหลวงพ่อสำราญ หลายวัน หลวงพ่อสำราญปกติท่านจะดุมาก แต่กลับเมตตาถูกอัธยาศัย กับหลวงปู่ ก่อนจะลากลับ ท่านได้มอบพระพุทธรูปเก่า สมัยหลวงปู่ศุข ให้หลวงปู่มา ปัจจุบันหลวงปู่ท่านยังเก็บรักษาไว้ที่กุฎิของท่านอีกทั้งหลวงปู่ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัย กับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระเกจิชื่อดังเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ ในสายหลวงปู่ศุข เพิ่มเติม อีกทั้งยังฝึกวาโยกสิณ เพื่อเสกตะกรุตให้ม้วนเอง และวิชาต่างๆ หลวงปู่ท่านจะมานอนคุยกับหลวงพ่อมุ่ย บ่อยครั้ง เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากัน
ส่วนหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย ศิษย์หลวงพ่อ ปาน วัดบางนมโค ก็มีความสนิทสนมกับหลวงปู่เป็นอย่างมาก หลวงปู่ท่านยังเคยไปอยู่กับท่าน เพื่อศึกษาในสายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ทั้งยังเดินทางไปมาหาสู่ เรียนวิชากับ หลวงปู่คำ วัดหน่อพุทธางกุล หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ เรื่อยมา หลวงปู่ท่านยังเป็นสหธรรมมิกกับพระเกจิที่มีชื่อเสียงเมืองสุพรรณหลายรูป อาทิ หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง หลวงพ่อดี วัดพระรูป หลวงพ่อปลื้ม วัดสวนหงส์ หลวงพ่อพล วัดวังยายหุ่น ท่านเหล่านี้ล้วนสนิทชอบพอกันดีกับหลวงปู่ ศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาบ่อย และยังเคยร่วมเสกพระหลายครั้งด้วยกัน
ออกธุดงควัตร
เมื่อท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย วิชาอาคมต่างๆในด้านพระปริยัติ เป็นที่พอใจแล้ว ท่านจึงได้กราบลาครูบาอาจารย์ ออกปฏิบัติธุดงค์ หาความสงบเงียบเพื่อเหมาะแก่การเจริญพระกรรมฐาน ฝึกจิตเจริญภาวนาปฏิบัติธรรม และฝึกฝนวิชาอาคม ท่านได้เดินลัดเลาะตามป่าขึ้นไปปักกรดอยู่ที่ยอดเขากระเสียว ซึ่งชาวบ้านก็ห้ามท่านไว้ เพราะบนเขานั้นมีงูพิษ และสัตว์ป่าดุร้าย ชุม แต่ก็ห้ามท่านไม่ได้ ด้วยวิชาอาคมของท่าน ในคืนนั้นสัตว์ทั้งหลายไม่สามารถทำอันตรายท่านได้เลย จากนั้นจึงเดินธุดงค์ต่อไปจังหวัดลพบุรี
หลวงปู่ท่านได้ขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ที่วัดพระพุทธบาทราชวรวิหาร จ.สระบุรี
ได้ปักกลดจำวัดอยู่หลายคืน จากนั้นจึงเดินทางต่อ เข้าสู่ยังป่าเขาใหญ่ ดงพญาเย็น ดงพญาไฟ ซึ่งเมื่อก่อนหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า มีเสือ ช้าง งู สัตว์มีพิษ เยอะมากและมีไข้ป่า ภูตผีปีศาจ คุณไสย มนต์ดำ ซึ่งถือว่าพระธุดงค์รูปใด ที่สามารถ เข้าสู่ดงพญาเย็น ดงพญาไฟ แล้วเดินทางกลับออกมาได้ ถือว่าพระรูปนั้น มีวิชาอาคมพอตัว หลวงปู่ท่านเดินทางเข้าไปยังเทือกเขานี้ ได้ปักกลดอยู่หลายวัน สัตว์ป่า อาทิ เสือ ช้าง งูและสัตว์มีพิษต่างๆรวมถึงภูตผีปีศาจคุณไสยมนต์ดำ ไม่สามารถทำอันตรายหลวงปู่ได้ ต่อจากนั้นหลวงปู่ได้เดินทางไปหลายแห่งทั่วประเทศ สมความตั้งใจท่านแล้ว ท่านจึงได้มาจำพรรษา อยู่ที่วัดน้อยชมภู่ ก่อน พ.ศ.2500(หลวงปู่ท่านจำไม่ได้)ต่อจากนั้นท่านได้รับ มอบหมายให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ.2501
หน้าที่การปกครอง
พ.ศ.2506 ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ.2522 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลวังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
พ.ศ.2527 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2550 ได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ที่พระครูสุวรรณศาสนคุณ
เริ่มสร้างพระในครั้งแรก ปี พ.ศ.2507 ท่านเริ่มทำพระเนื้อดินเผา ชินต่างๆ อาทิ
พระขุนแผนบ้านกร่าง พระยอดขุดพล เป็นต้น ท่านทำบล็อคเอง ปั้มเอง มวลสารที่ใช้ส่วนใหญ่ใช้ดินแม่น้ำท่าจีน ดินจอมปลวก ดินวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นต้น ท่านทำไม่มาก ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต ทำเอง เสกเองที่กุฎิ ใครมาขอท่านก็แจกไป มีประสบการณ์มากมาย จากนั้นท่านก็นำเข้าบรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานในวิหารบ้าง ในโบสถ์บ้าง แล้วท่านจึงหยุดทำไประยะหนึ่ง เนื่องจากผู้คนมาขอพระ จนท่านไม่ค่อยมีเวลาปฎิบัติธรรม ท่านจึงหยุดทำพระ
ต่อมาปี พ.ศ.2532 จึงได้หล่อสร้างพระงบน้ำอ้อย เนื้อชินตะกั่วขึ้น เพื่อสืบทอดวิชา ครูบาอาจารย์(หลวงพ่อเนียม วัดน้อย) ท่านหล่อเองเสกเอง จนใช้ได้ ท่านยังไม่แน่ใจ จึงนำไปให้ หลวงพ่อจวนวัดไก่เตี้ย เพื่อเสกให้อีกครั้ง พอเปิดกล่องเท่านั้น หลวงพ่อจวนถึงกับพูดว่า ผมเสกไม่เข้าแล้ว มนต์เต็มไปหมด งบน้ำอ้อยที่ท่านแจก เกิดประสบการณ์มากมาย ทำให้ชื่อเสียงของหลวงปู่ โด่งดังในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มาจนถึงทุกวันนี้
โชว์พระเครื่องของหลวงปู่นาม
เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ เนื้ออัลปาก้า สวยๆ วาวๆ มีโค๊ด แท้ตลอดชีพครับ
เหรียญ รุ่นแรก
หลวงปู่สร้างเหรียญ รุ่นแรก มีรูปหลวงปู่นั่งเต็มองค์และใส่ยันต์ทั้งด้านหน้าด้านหลังเหรียญโดยไม่มี
ที่ว่างเลย ยันต์ทั้งหมด เป็นยันต์ครูใน ๕ สายวิชา ที่ท่านสืบทอดมา คือ
๑ .สายสมเด็จโต วัดระฆัง ลง ปถมัง อานุภาพของยันต์ปถมังหนักไปทางด้านอิทธิฤทธิ์
อยู่ยงคงกระพันชาตรี จังงังกำราบศัตรูหมู่ปัญจามิตร สะกดทั้งมนุษย์และสัตว์ให้ตกอยู่ในอำนาจ
และเป็นกำบังล่องหนหายตัว ถึงทางเมตตามหานิยมก็ใช้ได้เหมือนกัน โบราณาจารย์ได้กล่าวอุปเท่ห์สืบต่อกันมาว่า
“อันปถมังที่ทำถึงเพียง องค์การมหาลาภน้อยใหญ่นั้น ถ้าเอาผงนั้นไปโรยใส่เข้าที่ไหน เช่น
โรยในป่า มิช้านานจะกลายเป็นบ้านเรือนเจริญไป ถึงบ่อน้ำแห้งเหือดหายก็มีน้ำเต็มบ่อโดยไม่นาน
ถ้านำไปทาที่เสาเรือนใคร ทำให้คนบนเรือนรักสนิทสนมกันไม่มีทะเลอะเบอะแว้งกันเลย ยันต์
ปถมังที่ลงในเหรียญเป็นประดุจ อุปเท่ห์นั้น
๒ สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย “ยันต์ต่ออายุ” ให้ยืนยาว แก้โรคภัยเวรภัย
๓ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว “ยันต์ เฑาะ มหาพรหม” (พุทธคุณสำเร็จดังปรารถนา)
๔ หลวงพ่อ เฒ่าวัดค้างคาว “ยันต์ค่ายกลถอดรูป” (จักรกรณี) ป้องกัน โชคลาภ ค้าขาย
๕ หลวงปู่ ศุข วัดมะขามเฒ่า ยันต์ “ปฐมองค์ ๘” เรียกลาภเข้ามา ๘ ทิศ
สร้าง เนื้อเงิน 88 เหรียญ (มีโค๊ดและหมายเลขกำกับ)
สร้าง เนื้ออัลปากา 2,140 เหรียญ (มีโค๊ดกำกับ)
สร้างเนื้อทองแดง 5,160เหรียญ (มีโค๊ดกำกับ)
เหรียญ รุ่นแรก
หลวงปู่สร้างเหรียญ รุ่นแรก มีรูปหลวงปู่นั่งเต็มองค์และใส่ยันต์ทั้งด้านหน้าด้านหลังเหรียญโดยไม่มี
ที่ว่างเลย ยันต์ทั้งหมด เป็นยันต์ครูใน ๕ สายวิชา ที่ท่านสืบทอดมา คือ
๑ .สายสมเด็จโต วัดระฆัง ลง ปถมัง อานุภาพของยันต์ปถมังหนักไปทางด้านอิทธิฤทธิ์
อยู่ยงคงกระพันชาตรี จังงังกำราบศัตรูหมู่ปัญจามิตร สะกดทั้งมนุษย์และสัตว์ให้ตกอยู่ในอำนาจ
และเป็นกำบังล่องหนหายตัว ถึงทางเมตตามหานิยมก็ใช้ได้เหมือนกัน โบราณาจารย์ได้กล่าวอุปเท่ห์สืบต่อกันมาว่า
“อันปถมังที่ทำถึงเพียง องค์การมหาลาภน้อยใหญ่นั้น ถ้าเอาผงนั้นไปโรยใส่เข้าที่ไหน เช่น
โรยในป่า มิช้านานจะกลายเป็นบ้านเรือนเจริญไป ถึงบ่อน้ำแห้งเหือดหายก็มีน้ำเต็มบ่อโดยไม่นาน
ถ้านำไปทาที่เสาเรือนใคร ทำให้คนบนเรือนรักสนิทสนมกันไม่มีทะเลอะเบอะแว้งกันเลย ยันต์
ปถมังที่ลงในเหรียญเป็นประดุจ อุปเท่ห์นั้น
๒ สายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย “ยันต์ต่ออายุ” ให้ยืนยาว แก้โรคภัยเวรภัย
๓ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว “ยันต์ เฑาะ มหาพรหม” (พุทธคุณสำเร็จดังปรารถนา)
๔ หลวงพ่อ เฒ่าวัดค้างคาว “ยันต์ค่ายกลถอดรูป” (จักรกรณี) ป้องกัน โชคลาภ ค้าขาย
๕ หลวงปู่ ศุข วัดมะขามเฒ่า ยันต์ “ปฐมองค์ ๘” เรียกลาภเข้ามา ๘ ทิศ
สร้าง เนื้อเงิน 88 เหรียญ (มีโค๊ดและหมายเลขกำกับ)
สร้าง เนื้ออัลปากา 2,140 เหรียญ (มีโค๊ดกำกับ)
สร้างเนื้อทองแดง 5,160เหรียญ (มีโค๊ดกำกับ)
โชว์พระเครื่องของหลวงปู่นาม
งบน้ำอ้อย เนื้อชินตะกั่ว หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ สุพรรณบุรี 125 รุ่นแรก
งบน้ำอ้อยหลวงปู่นามนั้นสร้างประมาณปี2532 เนื้อตะกั่วผสมพระเนื้อชินเก่าๆลงไปด้วย จะแบ่งแยกง่ายๆก็แบ่งได้เป็น2รุ่น
งบรุ่นแรก คืองบน้ำอ้อยที่ไม่ได้ตัดขอบ มีแค่รอยตัดจากช่อชนวนเท่านั้น พระชุดนี้จะมีทั้งปรอทสวยๆ และแช่น้ำมนต์ บางองค์ดำคล้ำสวยงามนั้นคือพระแจกในตอนแรกๆที่สร้าง และเหลือบางส่วนทางวัดได้เก็บไว้และนำไปเก็บไว้ที่วิหารพระนอน ต่อมาน้ำท่วมวิหารพระนอนจึงทำให้พระงบน้ำอ้อยแช่น้ำจึงทำให้เกิดคราบต่างๆคล้ายๆคราบกรุ ชาวบ้านแถววัด(นิยมเรียกกันเฉพาะกลุ่ม) จึงเรียกพระชุดนี้ว่าลงกรุ ผมอธิบายไว้ชัดแล้วนะครับ จะได้ไม่มาว่าที่หลังว่างบหลวงปู่ไม่มีลงกรุ พระชุดที่แช่น้ำจึงมีคราบไคลต่างๆจากที่แช่น้ำเป็นเวลานานสวยงามไปอีกแบบ
งบรุ่นสอง เป็นพระที่สร้างโดยโรงงานจะมีการเจียร์ขอบทุกองค์ พระจึงมีปรอทที่สวยงาม เพราะพระไม่เคยไปแช่น้ำ บางองค์ที่บรรจุกล่องแจกในงานครบรอบ80ปีของหลวงปู่ ดีทั้งคู่ครับ แล้วแต่ท่านจะชอบ ลองไปถามหลวงปู่ดูเถอะครับ ท่านจะบอกว่างบของท่าน ท่านตั้งใจสร้าง และปลุกเสกโดยหลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อดี วัดพระรูป และหลวงปู่นาม
งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วที่สุดแห่งประสบการณ์ของหลวงปู่ครับ งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วของหลวงปู่ น่าบูชามากๆครับ ส่วนตัวเลขไม่ต้องไปสนใจนะครับ เป็นตัวเลขที่ผมไว้จำองค์พระเท่านั้นครับ พระงบน้ำอ้อย ผมได้ไปขอแบ่งจากชาวบ้านแถววัด และแถวคนละฝั่งแม่น้ำของวัดที่เข้าไปทำบุญกับวัดน้อยเป็นประจำ มีกันเกือบทุกบ้าน ผมไปขอแบ่งๆเขามา ผมสังเกตุว่าไม่เคยมีใครเอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มเลย ผมสงสัยก็เลยถามว่าทำไมไม่เอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มล่ะ คำตอบที่ผมได้รับคือ "ของดีอยู่แล้ว จะต้องไปจารเพิ่มอีกทำไมล่ะ" แค่นี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่า ของหลวงปู่สุดยอดจริงๆครับ
องค์นี้รุ่นแรกครับ องค์นี้แช่น้ำมนต์ พิเศษเป็น2เท่าเลยครับ ใครอยากได้ของแรงแนะนำองค์นี้เลยครับ เลี่ยมพร้อมใช้ รับประกันความแท้ตลอดชีวิตครับ
งบน้ำอ้อยหลวงปู่นามนั้นสร้างประมาณปี2532 เนื้อตะกั่วผสมพระเนื้อชินเก่าๆลงไปด้วย จะแบ่งแยกง่ายๆก็แบ่งได้เป็น2รุ่น
งบรุ่นแรก คืองบน้ำอ้อยที่ไม่ได้ตัดขอบ มีแค่รอยตัดจากช่อชนวนเท่านั้น พระชุดนี้จะมีทั้งปรอทสวยๆ และแช่น้ำมนต์ บางองค์ดำคล้ำสวยงามนั้นคือพระแจกในตอนแรกๆที่สร้าง และเหลือบางส่วนทางวัดได้เก็บไว้และนำไปเก็บไว้ที่วิหารพระนอน ต่อมาน้ำท่วมวิหารพระนอนจึงทำให้พระงบน้ำอ้อยแช่น้ำจึงทำให้เกิดคราบต่างๆคล้ายๆคราบกรุ ชาวบ้านแถววัด(นิยมเรียกกันเฉพาะกลุ่ม) จึงเรียกพระชุดนี้ว่าลงกรุ ผมอธิบายไว้ชัดแล้วนะครับ จะได้ไม่มาว่าที่หลังว่างบหลวงปู่ไม่มีลงกรุ พระชุดที่แช่น้ำจึงมีคราบไคลต่างๆจากที่แช่น้ำเป็นเวลานานสวยงามไปอีกแบบ
งบรุ่นสอง เป็นพระที่สร้างโดยโรงงานจะมีการเจียร์ขอบทุกองค์ พระจึงมีปรอทที่สวยงาม เพราะพระไม่เคยไปแช่น้ำ บางองค์ที่บรรจุกล่องแจกในงานครบรอบ80ปีของหลวงปู่ ดีทั้งคู่ครับ แล้วแต่ท่านจะชอบ ลองไปถามหลวงปู่ดูเถอะครับ ท่านจะบอกว่างบของท่าน ท่านตั้งใจสร้าง และปลุกเสกโดยหลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อดี วัดพระรูป และหลวงปู่นาม
งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วที่สุดแห่งประสบการณ์ของหลวงปู่ครับ งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วของหลวงปู่ น่าบูชามากๆครับ ส่วนตัวเลขไม่ต้องไปสนใจนะครับ เป็นตัวเลขที่ผมไว้จำองค์พระเท่านั้นครับ พระงบน้ำอ้อย ผมได้ไปขอแบ่งจากชาวบ้านแถววัด และแถวคนละฝั่งแม่น้ำของวัดที่เข้าไปทำบุญกับวัดน้อยเป็นประจำ มีกันเกือบทุกบ้าน ผมไปขอแบ่งๆเขามา ผมสังเกตุว่าไม่เคยมีใครเอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มเลย ผมสงสัยก็เลยถามว่าทำไมไม่เอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มล่ะ คำตอบที่ผมได้รับคือ "ของดีอยู่แล้ว จะต้องไปจารเพิ่มอีกทำไมล่ะ" แค่นี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่า ของหลวงปู่สุดยอดจริงๆครับ
องค์นี้รุ่นแรกครับ องค์นี้แช่น้ำมนต์ พิเศษเป็น2เท่าเลยครับ ใครอยากได้ของแรงแนะนำองค์นี้เลยครับ เลี่ยมพร้อมใช้ รับประกันความแท้ตลอดชีวิตครับ
โชว์พระเครื่องของหลวงปู่นาม
งบน้ำอ้อย เนื้อชินตะกั่ว หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ สุพรรณบุรี 126 รุ่นสอง
งบรุ่นสอง เป็นพระที่สร้างโดยโรงงานจะมีการเจียร์ขอบทุกองค์ พระจึงมีปรอทที่สวยงาม เพราะพระไม่เคยไปแช่น้ำ บางองค์ที่บรรจุกล่องแจกในงานครบรอบ80ปีของหลวงปู่ ดีทั้งคู่ครับ แล้วแต่ท่านจะชอบ ลองไปถามหลวงปู่ดูเถอะครับ ท่านจะบอกว่างบของท่าน ท่านตั้งใจสร้าง และปลุกเสกโดยหลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อดี วัดพระรูป และหลวงปู่นาม
งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วที่สุดแห่งประสบการณ์ของหลวงปู่ครับ งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วของหลวงปู่ น่าบูชามากๆครับ ส่วนตัวเลขไม่ต้องไปสนใจนะครับ เป็นตัวเลขที่ผมไว้จำองค์พระเท่านั้นครับ พระงบน้ำอ้อย ผมได้ไปขอแบ่งจากชาวบ้านแถววัด และแถวคนละฝั่งแม่น้ำของวัดที่เข้าไปทำบุญกับวัดน้อยเป็นประจำ มีกันเกือบทุกบ้าน ผมไปขอแบ่งๆเขามา ผมสังเกตุว่าไม่เคยมีใครเอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มเลย ผมสงสัยก็เลยถามว่าทำไมไม่เอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มล่ะ คำตอบที่ผมได้รับคือ "ของดีอยู่แล้ว จะต้องไปจารเพิ่มอีกทำไมล่ะ" แค่นี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่า ของหลวงปู่สุดยอดจริงๆครับ
องค์นี้ขอบเจียร์ ปรอทสวยๆ ประกวดได้แชมป์แน่นอนครับ ชอบของสวยต้ององค์นี้ เข้มขลังครับ รับประกันความแท้ตลอดชีวิตครับ
งบรุ่นสอง เป็นพระที่สร้างโดยโรงงานจะมีการเจียร์ขอบทุกองค์ พระจึงมีปรอทที่สวยงาม เพราะพระไม่เคยไปแช่น้ำ บางองค์ที่บรรจุกล่องแจกในงานครบรอบ80ปีของหลวงปู่ ดีทั้งคู่ครับ แล้วแต่ท่านจะชอบ ลองไปถามหลวงปู่ดูเถอะครับ ท่านจะบอกว่างบของท่าน ท่านตั้งใจสร้าง และปลุกเสกโดยหลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อดี วัดพระรูป และหลวงปู่นาม
งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วที่สุดแห่งประสบการณ์ของหลวงปู่ครับ งบน้ำอ้อยเนื้อชินตะกั่วของหลวงปู่ น่าบูชามากๆครับ ส่วนตัวเลขไม่ต้องไปสนใจนะครับ เป็นตัวเลขที่ผมไว้จำองค์พระเท่านั้นครับ พระงบน้ำอ้อย ผมได้ไปขอแบ่งจากชาวบ้านแถววัด และแถวคนละฝั่งแม่น้ำของวัดที่เข้าไปทำบุญกับวัดน้อยเป็นประจำ มีกันเกือบทุกบ้าน ผมไปขอแบ่งๆเขามา ผมสังเกตุว่าไม่เคยมีใครเอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มเลย ผมสงสัยก็เลยถามว่าทำไมไม่เอาไปให้หลวงปู่จารเพิ่มล่ะ คำตอบที่ผมได้รับคือ "ของดีอยู่แล้ว จะต้องไปจารเพิ่มอีกทำไมล่ะ" แค่นี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่า ของหลวงปู่สุดยอดจริงๆครับ
องค์นี้ขอบเจียร์ ปรอทสวยๆ ประกวดได้แชมป์แน่นอนครับ ชอบของสวยต้ององค์นี้ เข้มขลังครับ รับประกันความแท้ตลอดชีวิตครับ
โชว์พระเครื่องของหลวงปู่นาม
เหรียญสมปรารถนา หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ จ.สุพรรณบุรี ปี2554 เนื้ออัลปาก้า
เหรียญสมปรารถนา(แซยิด89ปี) นับว่าเป็นเหรียญรูปไข่รุ่นแรก ของหลวงปู่ เป็นเหรียญที่หลวงปู่ตั้งใจเสกนับแรมเดือนจนถึงพิธีสุดท้าย วันเสาร์๕ ที่ 23 เมษายน 2554 ณ.โบสถวัดน้อยชมภู่ จำนวนสร้าง
เนื้อทองคำ 19 เหรียญ เนื้อเงิน 299 เหรียญ
เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ 209เหรียญ
เนื้อนวะโลหะ 3999 เหรียญ
เนื้ออัลปาก้า 3999 เหรียญ
เนื้อทองเหลือง 4999 เหรียญ
เนื้อทองแดง 4999 เหรียญ
องค์นี้เนื้ออัลปาก้า สวยๆ ประกวดได้แชมป์แน่นอนครับ ชอบของสวยต้ององค์นี้ รับประกันความแท้ตลอดชีวิตครับ ผมมี เนื้อนวะ เนื้ออัลปาก้า เนื้อทองเหลือง และเนื้อทองแดงครับ
เหรียญสมปรารถนา(แซยิด89ปี) นับว่าเป็นเหรียญรูปไข่รุ่นแรก ของหลวงปู่ เป็นเหรียญที่หลวงปู่ตั้งใจเสกนับแรมเดือนจนถึงพิธีสุดท้าย วันเสาร์๕ ที่ 23 เมษายน 2554 ณ.โบสถวัดน้อยชมภู่ จำนวนสร้าง
เนื้อทองคำ 19 เหรียญ เนื้อเงิน 299 เหรียญ
เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ 209เหรียญ
เนื้อนวะโลหะ 3999 เหรียญ
เนื้ออัลปาก้า 3999 เหรียญ
เนื้อทองเหลือง 4999 เหรียญ
เนื้อทองแดง 4999 เหรียญ
องค์นี้เนื้ออัลปาก้า สวยๆ ประกวดได้แชมป์แน่นอนครับ ชอบของสวยต้ององค์นี้ รับประกันความแท้ตลอดชีวิตครับ ผมมี เนื้อนวะ เนื้ออัลปาก้า เนื้อทองเหลือง และเนื้อทองแดงครับ
โชว์พระเครื่องของหลวงปู่นาม
พระมเหศวร นะโภคทรัพย์ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ จ.สุพรรณบุรี ปี 2553 เนื้อตะกั่ว รุ่นแรก หมายเลข 3368
พระมเหศวร นะโภคทรัพย์ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ จ.สุพรรณบุรี ปี2553 เนื้อตะกั่ว หมายเลข 3368 สร้างจำนวน 9999 องค์ *** พระมเหศวร นะโภคทรัพย์ เนื้อชินตะกั่วผสมชินเก่ากุสุพรรณ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ สุพรรณบุรี ยอดพระในเบญจภาคีหนึ่งในยอดขุนพล พุทธคุณเทียบเท่า "พระผงสุพรรณ" นักเลงพระรุ่นทวด เรียกว่า "พระสวน" ตามพุทธลักษณะองค์พระ ที่สวนกัน พ้องมงคลนาม พระอิศวร ซึ่งมีฤทธิ์อำนาจมากเหนือบรรดาเทพเทวดาทั้งปวง ด้วยอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ และประสบการณืของผู้บูชาพระมเหศวรเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าสุดยอดทุกด้าน ***
พระมเหศวร นะโภคทรัพย์ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ จ.สุพรรณบุรี ปี2553 เนื้อตะกั่ว หมายเลข 3368 สร้างจำนวน 9999 องค์ *** พระมเหศวร นะโภคทรัพย์ เนื้อชินตะกั่วผสมชินเก่ากุสุพรรณ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ สุพรรณบุรี ยอดพระในเบญจภาคีหนึ่งในยอดขุนพล พุทธคุณเทียบเท่า "พระผงสุพรรณ" นักเลงพระรุ่นทวด เรียกว่า "พระสวน" ตามพุทธลักษณะองค์พระ ที่สวนกัน พ้องมงคลนาม พระอิศวร ซึ่งมีฤทธิ์อำนาจมากเหนือบรรดาเทพเทวดาทั้งปวง ด้วยอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ และประสบการณืของผู้บูชาพระมเหศวรเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าสุดยอดทุกด้าน ***